นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
บริษัท ตารา โลจิสติกส์ จำกัด 
บริษัท ตารา โลจิสติกส์ จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการของบริษัท ประกอบกับปัจจุบันการดำเนินธุรกิจ มีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างมาก ทำให้การเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสามารถทำได้โดยง่ายมากขึ้น อันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ บริษัทจึงเห็นสมควรกำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อจัดให้มีมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการคุ้มครองหรือจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม รวมทั้งเพื่อป้องกันและเยียวยาการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 
 
1. คำนิยาม 
“บริษัท” หมายความว่า บริษัท ตารา โลจิสติกส์ จำกัด 
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ทำธุรกรรมกับบริษัท (เช่น ลูกค้าผู้ใช้บริการ คู่ค้า คู่สัญญาต่าง ๆ ตัวแทน นายหน้า และลูกจ้าง เป็นต้น) รวมถึงผู้เข้าเยี่ยมชมหรือใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทที่เป็นบุคคลธรรมดา 
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ 
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่นข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือ ข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน  
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนได้ 
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บริษัทซึ่งทำหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือ บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ทำหน้าที่ เช่นเดียวกัน 
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท 
“คณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า คณะกรรมการชุดย่อยของบริษัทมีหน้าที่กำกับดูแล  ควบคุมการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
“เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลที่บริษัทแต่งตั้งและมอบหมายตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำ กำกับดูแล ตรวจสอบหน่วยงานภายใน ลูกจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลแทนบริษัท เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายและคู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
“คู่มือหรือแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า คู่มือหรือขั้นตอนที่กำหนดถึงวิธีการและเงื่อนไขของการปฏิบัติงานของหน่วยงานภายในบริษัท รวมถึงผู้ให้บริการภายนอก เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
“บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา 
“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึง กฎ ระเบียบหรือกฎหมายลำดับรองอื่นที่ตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 
“กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ 

2. วัตถุประสงค์ของนโยบาย 
บริษัทจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้ใช้บริการ ในกรณีที่บริษัททำการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ได้ผ่านการพิจารณา และ อนุมัติโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ที่ได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรในบริษัท รวมถึงผู้ใช้บริการภายนอก โดยบริษัทได้ประกาศนโยบายฉบับนี้ ให้แก่พนักงาน และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องรับทราบโดยทั่วกัน 
 
3. หลักการในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
1. บริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ อันชอบด้วยกฎหมาย และตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ 
2. ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ บริษัทจะกระทำโดยต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนหรือขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบวัตถุประสงค์ของความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ 
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น ที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจะกระทำได้ หากกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลได้อนุญาตหรือยกเว้นไว้เป็นการเฉพาะเท่านั้น 
4. บริษัทจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลได้อนุญาตหรือยกเว้นไว้เป็นการเฉพาะเท่านั้น 
5. บริษัทจะดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 
6. บริษัทได้ดำเนินการจัดให้มีการบันทึก และ/หรือ รายงานข้อมูลส่วนบุคคลในขั้นตอนต่างๆ ภายใต้นโยบายนี้และตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และแจ้งให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทำการบันทึก รวมทั้ง รายงานกิจกรรม  การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบริษัทจะได้จัดให้มีข้อตกลงระหว่างบริษัท และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อควบคุมการดำเนินงานตามหน้าที่ของผู้ประมวลผล   ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด 
7. บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และจะดำเนินการทบทวนมาตรการดังกล่าว เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป 
8. บริษัทจะจัดให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้บุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบอย่างเด็ดขาด 
9. บริษัทจะจัดทำระบบการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอม 
10. บริษัทมีหน้าที่แจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลให้กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบ ภายใน 72 ชั่วโมง(เจ็ดสิบสองชั่วโมง) นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่ การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล กรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูง ที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพ ของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิด ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ การแจ้งดังกล่าว และข้อยกเว้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายกำหนด 
11. บริษัทได้กำหนดให้มีคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนที่มีความยุ่งยากซับซ้อน และ/หรือที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายสูง เพื่อนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงพิจารณาดำเนินการตามลำดับ รวมทั้ง กำกับดูแลหน่วยงานภายในเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามนโยบายฉบับนี้ 
12. บริษัทได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ กำกับดูแล ตรวจสอบ หน่วยงานภายในลูกจ้าง ผู้ให้บริการต่าง ๆ ตัวแทน นายหน้า และผู้ประมวลผลข้อมูลแทนบริษัท เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบาย และคู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการ หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือจากช่องทางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ และ ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
13. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการให้ความยินยอม ถอนความยินยอม เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือ  ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย รวมทั้ง คัดค้าน และ/หรือจำกัดสิทธิของการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย การขอให้แก้ไขให้ถูกต้องซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย อีกทั้ง มีสิทธิในการระงับการเก็บรักษา ใช้ เปิดเผย และ/หรือขอให้ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย สิทธิในการขอให้เก็บรักษา ถ่ายโอน และ/หรือคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย 
 
หมวด 1: วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
ก. บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และ/หรือภายใต้วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น 
เว้นแต่ 
1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่นั้น ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบ และได้รับความยินยอมก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยแล้ว 
2) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล 
3) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบวัตถุประสงค์ใหม่ หรือรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว โดยพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ได้กำหนดให้ต้องขอความยินยอมเพื่อการดำเนินการดังกล่าว 
4) บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่าการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ หรือรายละเอียดดังกล่าวไม่สามารถทำได้ หรือจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพียงพอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 
5) การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องกระทำโดยเร่งด่วนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพียงพอ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 
6) เมื่อบริษัทเป็นผู้ซึ่งล่วงรู้ หรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล จากหน้าที่ หรือจากการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ และต้องรักษาวัตถุประสงค์ใหม่ ไว้เป็นความลับตามที่กฎหมายกำหนด 
 
ข. บริษัทมีนโยบายเป็นการทั่วไปในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เว้นแต่ เฉพาะกรณี ซึ่งบริษัทจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการ แจ้งถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล จากแหล่งอื่นและรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตาม  หมวด 2 ให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบ (30) วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม หรือกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
 
 
 
หมวด 2: การแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
1. หลักการการแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว บริษัทจะต้องดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อน หรือในขณะ เก็บรวบรวบข้อมูลส่วนบุคคลถึงรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 
1) วัตถุประสงค์ของบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
2) หากเป็นวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา รวมทั้ง แจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคล 
3) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มีการเก็บรวบรวม และระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ชัดเจน บริษัทได้กำหนดระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม 
4) ประเภทของบุคคล หรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย หรือเข้าถึง 
5) ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย (ถ้ามี) 
6) สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล (พิจารณารายละเอียดตามหมวดที่ 4.) 
 
หมวด 3: การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
1. หลักการขอความยินยอมสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องอาศัยความยินยอม บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 
1) การขอความยินยอมจะกระทำก่อน หรือ ขณะที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล 
2) การขอความยินยอมจะกระทำโดยชัดแจ้งเป็นหนังสือ หรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีการดังกล่าวได้ 
3) การขอความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จะกระทำด้วยความเป็นอิสระของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และปราศจากเงื่อนไขที่ไม่จำเป็น หรือเกี่ยวข้องสำหรับการเข้าทำสัญญา และ/หรือการให้บริการ 
4) มีการแจ้งวัตถุประสงค์ ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
5) การขอความยินยอมจะแยกส่วนออกจากข้อความอื่นโดยแจ้งชัด 
6) การขอความยินยอมจะกระทำโดยมีแบบ หรือข้อความที่เข้าถึงได้ง่าย และเข้าใจได้ รวมทั้งใช้ภาษาที่อ่านง่ายและไม่เป็นการหลอกลวง หรือ ไม่ทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 
7) ดำเนินการตามแบบ หรือ ข้อความที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด (ถ้ามี) 
 
กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย 
ในการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการดังต่อไปนี้ 
1) การให้ความยินยอม เพื่อการใดๆของผู้เยาว์ที่ไม่อาจให้ความยินยอมได้โดยลำพัง ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย 
2) หากผู้เยาว์มีอายุไม่เกินสิบ (10) ปี ให้ขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ 
 
ข้อมูลเพิ่มเติม
 

 
Powered by MakeWebEasy.com
เพื่อเข้าใช้งานเว็บ tara-asia.com คุณ ยินยอมให้ใช้คุกกี้ตามที่ระบุไว้ใน นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้